ประวัติหลวงพ่อโสธร

ประวัติหลวงพ่อโสธร

หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา
หลวงพ่อโสธร มีการเล่าขานกันสืบต่อมาว่า ในสมัยล้านช้าง – ล้านนา เศรษฐีพี่น้อง 3 คน ซึ่งอาศัยอยู่ทางเหนือมีจิตเลื่อมใสศรัทธาจะสร้างพระพุทธรูปเพื่อเสริมสร้าง บารมีและเพื่อพูนผลานิสงส์ จึงได้เชิญพราหมณ์มาทำพิธีหล่อพระพุทธรูปปางต่างๆ ตามวันเกิด อันมีปางสมาธิ ปางสะดุ้งมาร และปางอุ้มบาตร แล้วทำพิธีบวงสรวงชุมนุมเทวดาตามโหราศาสตร์ เพื่อทำพิธิปลุกเสกด้วยอันเชิญเข้าสู่วัด

ในกาลต่อมาได้เกิดยุคเข็ญ ขึ้น พม่าได้ยกทัพมาตีไทยหลายครั้งหลานหน จนครั้งสุดท้าย คือ ประมาณครั้งที่ 7 ก็ตีเมืองแตก และได้เผาบ้านเผาเมืองตลอดจนวัดวาอารามต่างๆ หลวงพ่อ 3 พี่น้อง จึงได้ปรึกษากันเห็นว่าเป็นสถานการณ์ขับขัน จึงได้แสดงอภินิหารลงบนแม่น้ำปิง แล้วล่องมาทางใต้ตลอด 7 วัน จนกระทั่งมาถึงแม่น้ำเจ้าพระยาตรงบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่า “สามเสน” จึง ได้แสดงอภินิหารลอยให้ชาวบ้านชาวเมืองเห็น ชาวบ้านนับแสนๆ คน ได้ทำการฉุดหลวงพ่อทั้ง 3 องค์ ถึง 3 วัน 3 คืน ก็ฉุดไม่ขึ้น ตำบลนั้นจึงได้ชื่อว่า “สามแสน” ซึ่งได้เพี้ยนเป็น “สามเสน” ในภายหลัง

หลวง พ่อได้ลอยต่อไปตามลำน้ำบางปะกง เลยผ่านวัดโสธรไปจนถึงใต้คุ้งน้ำใต้วัดโสธร แล้วแสดงอภินิหารให้ชาวบ้านเห็นอีก ชาวบ้านได้ช่วยกันฉุดก็ยังไม่สำเร็จ จึงได้เรียกหมู่บ้านและคลองนั้นว่า “บางพระ” ต่อจากนั้น ก็ลอยทวนน้ำวนอยู่หัวเลี้ยวตรงกองพันทหารช่างที่ 2 สถานที่ลอยวนอยู่นั้นจึงเรียกว่า “แหลมหัววน” และคลองก็ได้ชื่อว่า “คลองสองพี่น้อง” มาจนทุกวันนี้ ต่อ จากนั้นพระพุทธรูปองค์พี่ใหญ่ได้แสดงอภินิหารลอยไปถึงแม่น้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ชาวประมงได้ช่วยกันอาราธนาท่านขึ้นประดิษฐานไว้ ณ วัดบ้านแหลมมีชื่อเรียกกันว่า “หลวงพ่อบ้านแหลม” อีกองค์หนึ่งได้แสดงปาฏิหาริย์ล่องเข้าไปในคลองบางพลี ชาวได้อาราธนาขึ้นประดิษฐานที่วัดบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มีชื่อเรียกว่า “หลวงพ่อโตบางพลี” พระพุทธรูปองค์สุดท้าย หรือหลวงพ่อโสธรนั้น ได้แสดงอภินิหารลอยมาขึ้นที่หน้าวัดหงส์ ชาวบ้านได้พยายามฉุดขึ้นฝั่งหลายครั้งหลายหน แต่ก็ไม่สามารถอัญเชิญหลวงพ่อขึ้นจากน้ำได้ จนกระทั่งมีอาจารย์ผู้มีความรู้ ทางไสยศาสตร์ผู้หนึ่ง ได้ตั้งศาลเพียงตาาบวงสรวงเอาสายสิญจน์คล้องกับพระหัตถ์พระพุทธรูป และเชิญชวนประชาชนทั้งชาวไทยชาวจีนพร้อมใจกันจับสายสิญจน์ จึงสามารถอาราธนาขึ้นฝั่งได้โดยง่ายใช้คนไม่กี่คน และนำมาประดิษฐานที่วิหารวัดหงส์ได้เป็นผลสำเร็จตามประสงค์เมื่อวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 5 ซึ่ง สันนิฐานว่าน่าจะอยู่ในราวปี พ.ศ.2313 อันเป็นสมัยต้นกรุงธนบุรีนั้นเอง

พระพุทธโสธรเป็นพระ พุทธปฎิมากรปางสมาธิ ประทับอยู่เหนือรัตนบังลังก์ 4 ชั้น ซึ่งปูลาดด้วยผ้าทิพย์ อันมีความหมายถึงการอยู่สูงสุด เป็นพุทธเหนือ พระอริยบุคคล 4 คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์

ตาม ตำนานกล่าวว่า พระพุทธโสธรเดิมเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยสำริดอย่างสวยงามแต่ต่อมา พระสงฆ์ในวัดเห็นว่ากาลต่อไปภายหน้า คนที่กิเลสแรงกล้าจะลักไป เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อความปลอดภัย จึงพอกปูนเสริมให้ใหญ่หุ้มองค์จริงไว้ภายใน

พุทธลักษณะขององค์ หลวงพ่อโสธรที่ปรากฏในปัจจุบันจึงเป็นแบบปูนปั้น ลงรักปิดทองพระวรกายแบบเทวรูป พระพักตร์แบบศิลปะลานนา พระเกตุมาลาแบบปลี อันหมายถึงความอยู่เป็นสุขตามคติของชาวจีน ข้อพระกรข้างขวา มีกำไรรัดตรึง เป็นเครื่องหมายถึงความอาทรห่วงใย ที่หลวงพ่อทรงมีต่อสาธุชน ผู้เคารพบูชาในองค์ท่าน ทรงจีวรแนบเนื้อ มีความกว้างของพระเพลา 3 ศอก 5 นิ้ว (1 เมตร 65 เซนติเมตร ) สูง 1 เมตร 98 เซนติเมตร ขณะนี้ในวัดมีพระพุทธรูปบนแท่นฐานชุกชีทั้งหมด 13 องค์ องค์พระพุทธโสธรคือองค์ที่อยู่ตรงกลาง

เวลาเปิด – ปิด พระอุโบสถหลังใหม่
วันธรรมดา 07.00 – 16.30 น.
วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดต่างๆ 07.00 – 17.00 น.