เมตตาจากหลวงพ่อ

น.ส. ไพรัตน์ จีมขุนทด กับเหรียญหลวงพ่อคูณรุ่นโดดตึก (สหกรณ์)

หลายท่านคงจำกันได้เหตุการณ์สยดสยองเมื่อครั้งโรงงานผลิตตุ๊กตายาง บริษัทเคเดอร์ อินดรัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด เกิดเพลิงไหม้ มีเจ้าพนักงานคนงานตายเกือบ 300 คน เป็นสถิติมีผู้เสียชีวิตเพราะอัคคีภัยสูงที่สุดในโลก

นับเป็นเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดที่สุดในรอบปีที่คนวัยหนุ่มสาว ต้องมาเสียชีวิตพร้อมกันอันเนื่องมาจากความประมาทเลินเล่อ และเห็นแก่ตัวของนายทุน

ระหว่างเกิดไฟนรกเผาผลาญ อาคารผลิตตุ๊กตา 4 หลังอย่างมหาวินาศนั้นคนงานเกือบ 2000 คน ต่างแตกตื่นหนีภัยกันอย่างสุดชีวิต บางคนโชคดีรอดชีวิตมาได้ ขณะที่อีกมากมายหลายคนต้องเสียชีวิต เพราะเปลวไฟมหาประลัย น.ส.ไพรัตน์ จีมขุนทด เป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากไฟนรกมาได้อย่างหวุดหวิด และน.ส. ไพรัตน์เพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทแห่งนี้ได้เดือนกว่าๆ เท่านั้น ขณะที่เกิดไฟลุกไหม้ เธอกำลังทำงานอยู่อาคาร 1 ชั้น 3 แผนกทั่วไป มีหน้าที่ติดกาวตุ๊กตา เธอได้ยินเสียงตะโกนว่าไฟไหม้ๆ คนงานบนชั้นสามทั้งหมด แตกตื่นโกลาหล หาทางออกทางหนีอลหม่านไปหมด บางพวกวิ่งลงบันไดไปชั้นล่าง ก็ไปเสียชีวิตกันเกือบหมด นางสาวไพรัชกับพวกเพื่อนคนงานก็เบียดเสียดไปออกันที่หน้าต่าง เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ไฟได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว และควันไฟก็ได้พวยพุ่งขึ้นมาอย่างมากมาย ทำให้สำลักควันทนไม่ไหว พวกที่ติดอยู่บนชั้นสาม จึงตัดสินใจกระโดดหน้าต่างลงมาก่อนที่จะถูกไฟครอกตาย คนที่โดดลงมากระแทกกับพื้นตายไปหลายคน บางคนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงพิการ มีน้อยคนที่ได้รับบาดเจ็บไม่มากเท่าไหร่

น.ส. ไพรัตน์ ซึ่งยังติดอยู่บนชั้น 3 ต้องตัดสินใจเสี่ยงกับความตายเอาเอง เพราะขืนอยู่ต่อไปคงไม่รอดชีวิตแน่ๆ เธอไม่รู้จะพึ่งอะไรอีกแล้วในขณะนั้น นอกจากเหรียญหลวงพ่อคูณเหรียญเดียวที่ห้อยคออยู่ น.ส. ไพรัตน์ กำเหรียญเอาไว้แน่น อธิษฐานขอให้หลวงพ่อคูณแผ่เมตตาบารมีช่วยชีวิตด้วยเถิด แล้วเธอก็ปีนหน้าต่างโดดลงสู่พื้นดินเบื้องล่างทันที

ร่างน.ส. ไพรัตน์ ลอยละลิ่วลงมาถึงพื้นดินในลักษณะยืน ไม่ถลาล้ม ประหนึ่งเหมือนกระโดด ลงสู่พื้นเตี้ยๆ ไม่ใช่ตึกสูง 3 ชั้น อีกทั้งแรงกระแทกอย่างรุนแรง ก้ไม่ทำให้กระดูกหักหรือแตก แม้แต่ส่วนเดียว ขณะที่นส. ไพรัตน์

ขณะที่น.ส. ไพรัตน์ยืนตะลึงก็มีคนพาเธอออกไปจากบริเวณนั้นจนปลอดภัย น.ส. ไพรัตน์ เชื่อมั่นว่าการที่รอดชีวิต และไม่ได้รับบาดเจ็บอันตรายต้องเป็นเพราะเมตตาบารมีของ เหรียญหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ รุ่น “สหกรณ์” ซึ่งเธอกำแน่นไม่ยอมปล่อยแน่ๆ

สภาพสยดสยองของโรงงานทำตุ๊กตา!
สภาพสยดสยองของโรงงานทำตุ๊กตา!

หลังจากเหตุการณ์สยดสยองผ่านไปไม่กี่วัน น.ส. ไพรัตน์ ก็เดินทางกลับบ้าน และไปกราบหลวงพ่อคูณที่ท่านช่วยชีวิตไว้วันที่ น.ส. ไพรันต์ไปที่วัดบ้านไร่ หลวงพ่อคูณนั่งต้อนรับแขกที่ศาลาซึ่งมีลูกศิษย์ญาติโยมกว่า 100 คน

ขณะที่นางสาวไพรัตน์กำลังคอนที่จะเข้าไปกราบหลวงพ่อใกล้ๆ หลวงพ่อ คูณได้หันมาทางเธอและถามเธอ ยิ้มๆ ว่า

“มึงใช่ไหมที่กระโดดลงมาจากตึก แล้วมึงกำเหรียญกูแน่นไหม?”

น.ส. ไพรัตน์รีบก้มกราบ หลวงพ่อทันทีด้วยความเคารพศรัทธา อย่างหาที่เปรียบมิได้ และคราวนี้คนจำนวนเป็นร้อย ได้พากันมารุมล้อมสอบถามเรื่องราวต่างๆ จากนส. ไพรัตน์ ซึ่งเธอก็ได้เล่า ความจริงให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นที่อัศจรรย์ใจของทุกๆ คน

ก่อนน.ส. ไพรัตน์จะลากลับหลวงพ่อคูณยังเรียกให้ไปรับเงินจากท่านอีก 500 บาท ราวกับท่านรู้ว่า เธอเองมีเงินติดตัวมาน้อยนิดพอเพียงแค่มากราบนมัสการท่านเท่านั้น…

ขอขอบคุณข้อมูลจากคุณ ศักดิ์สิทธิ์ ลิ่วนภโรจน์ และเว็บประสบการณ์พระเครื่องหลวงพ่อคูณ

เหรียญครูบาเข็ม รุ่นเพชรศรีมณีล้านนา

เหรียญครูบาเข็ม รุ่นเพชรศรีมณีล้านนา

ร้านป๊ะป๋าอามูเล็ท ขอแนะนำเหรียญครูบาเข็ม รุ่นเพชรมณีศรีล้านนา รุ่นแรก ที่ระลึกการร่วมทำบุญก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรม และพิพิธภัณฑ์พระธาตุบูรพาจารย์ โดยวัดสันติธรรม นครเชียงใหม่ อธิษฐานจิตโดย หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ และหลวงพ่อเปลี่ยนปัญญาปทีโป

พระครูบาเข็ม รุ่นเพชรมณีศรีล้านนา รุ่นแรก

ประวัติความเป็นมา

เหรียญครูบาเข็ม เป็นคำผสมของคำว่า “ครูบาศรีวิชัย” กับ “พระบัวเข็ม” ท่านเรียกให้สั้นลงว่า “ครูบาเข็ม” เพื่อแสดงออกถึงคุณค่าแห่งเหรียญรุ่นนี้ท่านจึงให้นามรุ่นนี้ว่า “เพชรศรีมณีล้านนา” อันบ่งบอกให้ทราบว่าผู้ใดได้ครอบครองเหรียญพระครูบาเข็มนี้ ประดุจดังได้เพชรมณี อันมีค่าควรเมืองมาไว้กับตนเอง เพราะว่าได้รวมเอาสุดยอดแห่งความสิริมงคล อันเป็นเอกลักษณ์ของล้านนาไทยมาไว้ในเหรียญเดียวกัน คือ

พระบัวเข็มหรือพระอุปคุต พระแห่งโชคลาภ และการคุ้มครองป้องกันภัยที่ชาวล้านนาให้ความเคารพนับถือ มาเป็นเวลาช้านาน
ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญอันประเสริฐของชาวล้านนา
ลักษณะเหรียญ
มีลักษณะเป็นรูปไข่ ขนาดกระทัดรัด กว้าง 2 เซ็นติเมตร สูง 2.5 เซ็นติเมตรด้านหน้าเหรียญเป็นรูปพระบัวเข็ม (อุปคุต) ศิลปะล้านนา (แบบพม่า) ลงอักขระ หัวใจมหาลาภ นะ ชาลีติ และตอกโค๊ตกำกับทุกองค์ ด้านหลังเหรียญ เป็นรูปครูบาศรีวิชัยเข้าครึ่งองค์

วัตถุประสงค์ของการสร้าง
1. เพื่อสืบทอดอายุของพระพุทธศาสนา
2. เพื่อสบทบทุนสร้างศาลาปฎิบัติธรรม
3. เพื่อสมทบทุนสร้างพิพิธภัณฑ์พระธาตุบูรพาจารย์
4. เพื่อสมนาคุณแก่ผู้ร่วมทำบุญในโอกาสต่างๆ

ขอขอบคุณข้อมูลจากสำนักงานวัดสันติธรรมครับ

ได้พระคืน

ของทุกสิ่งมีเจ้าของที่แท้จริง พระเครื่องก็เช่นกัน หากท่านมีบุญบารมีวาสนาต่อองค์พระเครื่องนั้นๆ ย่อมได้มาอย่างปาฎิหาริย์ หรือคาดไม่ถึง ในราคาขนมหรือเขาให้มาฟรี ๆ แม้ว่าพระองค์นั้นจะหายากและมีราคาแพงแสนแพงขนาดไหนก็ตาม ในทากลับกันหากท่านหมดบุญหรือวาสนา ก็อาจจำเป็นต้องขายหรือให้เช่าเขาไป หรือทำสูญหายไปเสีย ถูกขโมย ถูกจี้ปล้น เอาไปก็แล้วแต่

ข้าพเจ้าได้มีประสบการณ์ สมัยวัยยี่สิบต้นๆ จะนำมาเล่าสูกันฟัง สมัยนั้นยังไม่ได้สนใจพระเครื่องเลย แต่โดยที่คุณพ่อของข้าพเจ้า ท่านได้มอบสร้อยสแตนเลส พร้อมเหรียญพระเครื่องแถวๆ บ้าน 5 องค์ให้ใช้ห้อยคอ ก็ไม่ขัดใจท่าน จนวันหนึ่งข้าพเจ้าได้เดินทางไปทำธุระในต่างจังหวัด และได้ค้างคืนที่โรงแรมแห่งหนึ่ง พอรุ่งเช้าข้าพเจ้า ตื่นสายจะรีบกลับบ้านกลัวไม่ทันรถประจำทาง ซึ่งสมัยนั้น รถมีวันละ หนึ่งเที่ยว หมดแล้วก็หมดกัน จึงทำให้ลืมสร้อยพระ จนนั่งรถมาได้ครึ่งทางแล้ว จึงรู้สึกตัวแต่ก็ไม่สามารถกลับไปเอาพระคืนในเวลานั้นได้ จึงได้ยกมืออธิษฐานว่า ถ้าข้าพเจ้ายังมีบุญวาสนาอยู่ ขอให้มีผู้ใจบุญเก็บมาไว้ให้ด้วย อีกไม่เกิน 7 วัน -10 วัน ข้าพเจ้าจะกลับไปเอาคืน

พอทำงานไปจนเกือบลืมเรื่องพระ ก็ต้องมีเหตุให้ต้องกลับไปจังหวัดนั้นอีก ครั้งหนึ่งโดยไม่เกินกำหนด 10 วัน ที่ได้อธิษฐานไว้ พอเสร็จกิจธุระ ข้าพเจ้าก็ได้ไปสอบถามหาพระกับผู้ดูแล (แม่บ้าน) ของโรงแรมที่เคยไปพัก คุณแม่บ้านก็ช่างรอบคอบสอบถามว่าพระพวงนั้นมีพระอะไรบ้าง พอข้าพเจ้าบอกไปจนครบ 5 องค์ คุณแม่บ้านก็บอกว่า เข้าไปทำความสะอาดห้องพักพบพระห้อยอยู่ที่ราวแขวนเสื้อ จึงเก็บไว้เผื่อเจ้าของจะกลับมาตามหา

สรุปข้าพเจ้าได้พระคืนเพราะว่ายังมีวาสนา ต่อพระองค์นั้นที่ข้าพเจ้าได้บูชาอยู่ เขียนตรงนี้แล้วขนลุก ………………………สาธุ